วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ความจริง

ทุกวันนี้ เพราะการเสพข้อมูลอย่างไร้สติ
ไม่ค้นหาความจริง ไม่รู้หลักเกณฑ์
และขั้นตอนการวินิจฉัยเรื่องราวต่างๆ
อย่างถูกต้องตามตามกฎหมาย ตามธรรมวินัยสงฆ์
และตามธรรมเนียมปฏิบัติ
ประชาชนจึงตกเป็นเครื่องมือทำลายพระพุทธศาสนา
ของคนบางกลุ่มได้ง่ายโดยไม่รู้ตัว

ยิ่งกว่านั้น การตกเป็นเครื่องมือแต่ละครั้ง
ยังกลายเป็นการช่วยกันสร้างบรรทัดฐานผิดๆ ให้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ขึ้นมาล้มล้างพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

เพราะพวกที่กล่าวร้าย รู้ว่าประชาชนมีจุดอ่อนอยู่ 5 เรื่อง คือ

1. ไม่รู้ขั้นตอนด้านกฎหมาย ใครอ้างกฎหมายก็เชื่อหมด
ทั้งที่จริงวิธีตัดสินคดีของฝ่ายกฎหมายก็ใช้วิธีตัดสินตามรูปแบบ
คำพิพากษาที่เคยตัดสินไว้ก่อนหน้า หรือที่เคยมีมาแต่อดีต
ซึ่งถือเป็นการตัดสินที่หยาบมาก เพราะมองแต่ด้านพยาน
และหลักฐานที่มีผลทางกฎหมายเพียงอย่างเดียว
ส่วนผลกระทบอื่นๆ ที่ไม่มีผลทางด้านกฎหมาย
ไม่นำมาร่วมพิจารณาด้วย ทำให้เกิดช่องโหว่ให้คนกล่าวร้ายได้

2. ไม่รู้ขั้นตอนด้านธรรมวินัย ใครอ้างพระลิขิตก็เชื่อหมด
ทั้งที่จริงแล้ว การออกพระลิขิตเพื่อโจทก์อาบัติปาราชิก
ข้ามนิกาย ข้ามวัด ข้ามสังฆกรรม เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้
ถือว่าผิดทั้งด้านกฎหมาย ด้านธรรมวินัย และด้านธรรมเนียมปฏิบัติ
และยังเป็นการออกพระลิขิตในขณะที่คดีสงฆ์ยังอยู่บนศาลสงฆ์ชั้นต้นอีกด้วย
ถือว่าแสดงความคิดเห็นส่วนตัวอย่างผิดขั้นตอน
ดังนั้น เมื่อคุณสมบัติของผู้โจทก์ไม่ถูกต้อง
การใช้อำนาจผิดขั้นตอนเช่นนี้ แล้วจะมีผลทางกฎหมายได้อย่างไร
จะทราบว่าเนื้อความที่กล่าวโจทก์เป็นความจริงได้อย่างไร
ในเมื่ออยู่กันคนละวัด คนละนิกาย

3. ไม่รู้ผลกระทบว่าการตัดสินคดีสงฆ์แต่ละครั้ง
นั่นคือการสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่ส่งผลกระทบ
ต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา
เช่น ถ้ากฎหมายตัดสินว่า การบริจาคเงินทำบุญให้กับวัดคือการฟอกเงิน
ก็เท่ากับว่า ใครมาบริจาคเงินสร้างศาลาสร้างกุฏิให้วัดทีละมากๆ
วัดๆ นั้นก็มีโอกาสจะถูกดำเนินคดีกฎหมายฟอกเงินได้ทันทีเช่นกัน
นี่คือการใช้อำนาจกฎหมายสร้างบรรทัดฐานขึ้นมา
ทำลายประเพณีการสั่งสมบุญของชาวพุทธ
ทำลายการทำนุบำรุงวัดวาอารามในพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัว

4. ไม่รู้หลักธรรมแม่บทในพระพุทธศาสนา
ใครอ้างว่าวัดพระธรรมกายสอนผิดก็เชื่อหมด
ทั้งที่จริง พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัดเจนว่า
ผู้ที่จะหลุดพ้นจากวัฏสงสารไปได้ ต้องบำเพ็ญบารมี 10 ทัศ
และบารมีที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ ทานบารมี
ยิ่งสั่งสมทานบารมีมากเท่าไร ก็จะยิ่งมีเสบียงติดตัวข้ามภพข้ามชาติไป
ทำให้การทำความดีในภพชาติต่อๆ ไปสะดวกสบายยิ่งขึ้น
เพราะไม่ต้องมาห่วงกังวลเรื่องปากเรื่องท้อง
จึงมีเวลาที่จะทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาได้มากขึ้น
กว่าการเกิดมาเป็นคนลำบากยากจน

5. ไม่รู้สถานการณ์เป็นตายของพระพุทธศาสนาว่าอ่อนล้าเต็มที
วัดแต่ละวัดต้องดิ้นรนหางบประมาณเลี้ยงตัวเอง
และที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ 323 วัด ที่อยู่ 4 จังหวัดชายแดนใต้
ซึ่งไม่มีงบประมาณลงไปช่วยเหลือ และยังถูกปองร้ายรายวัน
ชาวพุทธในพื้นที่ถ้าไม่ถูกบีบให้เปลี่ยนศาสนา
ก็จำเป็นต้องย้ายหนี อพยพไปอยู่ที่อื่น

ตลอดสิบกว่าปีมานี้ ญาติโยมของวัดพระธรรมกาย
ได้ร่วมกันบริจาคเงินและสิ่งของอุปโภคบริโภค
เพื่อส่งไปช่วยเหลือพระภิกษุและครูในพื้นที่เสี่ยงภัย
คิดเป็นงบประมาณไม่ต่ำกว่า 700-800 ล้าน
ที่ทุ่มเทลงไปให้กับผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้
ท่ามกลางเสียงกร่นด่าค่อนขอดของคนไม่เข้าใจว่า
เป็นพวกบ้าบุญ โดยไม่ได้พิจารณาความจริงว่า
เงินและสิ่งของที่ญาติโยมวัดบริจาคมานั้น
ไม่ได้มากองอยู่ที่วัดพระธรรมกาย
แต่ส่งไปหล่อเลี้ยงวัดในภาคใต้ทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง
เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาให้ยังอยู่
บนด้ามขวานทองของไทยมากว่าสิบปีแล้ว
ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมวัดนี้ถึงขยันทำบุญ
ที่ขยันทำบุญ ก็เพราะต้องการค้ำยันพระพุทธศาสนา
ให้ผ่านพ้นสถานการณ์ความเป็นตายครั้งนี้ไปให้ได้
เพราะไม่ต้องการเห็นพระพุทธศาสนาดับสูญไป
ในยุคที่เรายังมีชีวิตอยู่

พวกที่กล่าวร้ายรู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่มีจุดอ่อน 5 เรื่องนี้
จึงใช้ความไม่รู้ 5 เรื่องนี้ ปลุกปั่นสร้างสถานการณ์โจมตีได้ง่าย
ทำให้เวลาเราแก้ข้อกล่าวหาแต่ละครั้ง
ทั้งที่เขาเข้าใจผิดเราแค่เรื่องเดียว
แต่เราต้องมานั่งอธิบายใหม่หมดถึง 5 เรื่อง

ฟังแล้วจะเข้าใจ หรือไม่เข้าใจก็ไม่รู้ล่ะ
แต่ยังไงก็ต้องอธิบาย อย่างน้อยก็เพื่อต้องการเตือนสติว่า
จะด่าใครตามน้ำแต่ละที ควรจะหาความจริงกันบ้าง
ไม่ใช่ด่าเอามันผสมโรงเอาความสะใจเพียงอย่างเดียว
เดี๋ยวจะกลายเป็นเครื่องมือของผู้อ้างกฎหมาย
เพื่อทำลายพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัว

-----------------------------------------------------------------

๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙

๒๓.๕๑ น.

ปล. บันทึกแรกของปี ก็ไม่ได้อยู่สงบๆ เสียแล้ว

Cr. Ptreetep Chinungkuro

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

กุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก

ถึงเพื่อนๆ ที่รักทุกๆ คน

 เนื่องด้วยเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรักทั้งวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. คือวันแห่งความรักสากล และวันมาฆบูชา 22 ก.พ. คือวันแห่งความรักในพระพุทธศาสนา เดือนนี้จึงเป็นเดือนแห่งความรัก 

เราจึงอยากชวนเพื่อนๆทุกๆคน มาเปลี่ยนภาพ Profile ใน Facebook ของตัวเองเป็นภาพ "เรารักพระพุทธศาสนา" เพื่อแสดงพลังของชาวพุทธในเดือนแห่งความรักนี้กันทุกๆ ท่าน 

กิจกรรมดีๆ "เรารักพระพุทธศาสนา" เดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งมาฆบูชา 
1.ให้เปลี่ยน ภาพประจำตัว (โปรไฟล์) ใน FB เป็นภาพนี้ 
2.ทุกโพสต์ในเดือนกุมภาพันธ์ ให้มีเครื่องหมายและคำว่า (# hashtag) ว่า #เดือนแห่งความรัก #เรารักพระพุทธศาสนา



วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

หลวงพ่อไม่ได้หนีไปต่างประเทศ

ตามที่อิสระเขียนจดหมายกล่าวว่า หลวงพ่อจะหนีไปต่างประเทศ นั่นไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง เพราะเมื่อสักครู่หลวงพ่อยังออกอากาศสดทาง DMC อยู่เลย


พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช

พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชดังกล่าว ไม่ใช่พระบัญชาจึงไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย ซึ่งที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติที่ ๑๙๓/๒๕๔๒ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒ “สนองพระดำริมาโดยตลอด ให้ชอบด้วยกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม” มหาเถรสมาคมจะสนองได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระธรรมวินัยเท่านั้น
1.พระลิขิต ไม่ใช่ พระบัญชา ไม่มีผลตามกฎหมาย 
2.ได้ “สนองพระดำริมาโดยตลอดให้ชอบด้วย กฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม”
3.การกระทำทุกอย่าง ต้อง ! ไม่ขัดหรือแย้งกับ 
"พระธรรมวินัย" ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
4.อธิกรณ์ หรือ ข้อกล่าวหา ที่ยุติแล้วรื้อฟื้นไม่ได้ !
ดังนั้นเรื่องพระลิขิตนี้จบแล้ว ขอ DSI อย่าได้นำมาเป็นประเด็นในการสร้างความแตกแยกเลย


@@@ มองพุทธมณฑลปัตตานี @@@

@@@ มองพุทธมณฑลปัตตานี @@@



ไม่เห็นอนาคตพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
กรณีพี่น้องมุสลิมคัดค้านการสร้างพุทธมณฑลปัตตานีจนทางราชการยอมถอย ต้องถือว่าเป็นการสูญเสียเอกราชทางวัฒนธรรมของประเทศไทย 
ผมเชื่อว่านี่จะเป็นก้าวแรกๆ ของการตั้งรัฐอิสระปัตตานี 
เพราะเมื่อพี่น้องมุสลิมห้ามอย่างหนึ่งได้ ต่อไปก็จะออกมาห้ามอย่างอื่นอีก
เป็นต้นว่า :

- ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ต่อไปจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้น ถ้าเป็นชาวพุทธ ก็จะมีคนออกมาคัดค้านโดยอ้างว่าคนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม เอาชาวพุทธมาเป็นผู้ว่าฯ มุสลิมยอมรับไม่ได้ (แต่มุสลิมเป็นผู้ว่าฯ ได้ทุกจังหวัด!)

- ใครจะสร้างวัดในปัตตานี ต่อไปจะต้องขออนุญาตมุสลิมก่อน

- ส่วนวัดที่มีอยู่แล้ว ต่อไปก็จะมีคนออกมาคัดค้านว่า วัดพุทธมาอยู่ในจังหวัดที่มีมุสลิมเป็นส่วนมาก มุสลิมยอมรับไม่ได้ ต้องย้ายออกไป
ฯลฯ

ในอนาคต จะมิใช่เฉพาะจังหวัดปัตตานี แต่จะเป็นเช่นนี้ทั่วประเทศ ต่อไปชาวพุทธจะสร้างอะไร จะจัดกิจกรรมอะไรในแผ่นดินไทย จะต้องขออนุญาตมุสลิมก่อน

ถ้ามุสลิมบอกว่า "ขัดต่อหลักคำสอนของอิสลาม" ก็สร้างไม่ได้ จัดไม่ได้ (แต่มุสลิมสร้างได้จัดได้ทั่วประเทศ!)

ใครฝ่ายไหนก็ตามที่ต้องการจะแยกดินแดน และกำลังทำสงครามแยกดินแดนอยู่ทางภาคใต้ในขณะนี้ จะกรุณาใจเย็นๆ ลองทบทวนยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีกันใหม่
แทนที่จะใช้การฆ่าพระฆ่าชาวพุทธเป็นหนทาง
เปลี่ยนมาใช้การรุกคืบทางศาสนาแทน น่าจะได้ผลดีกว่า
ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีทางศาสนานี้ ผลสำเร็จจะมิใช่ได้เฉพาะรัฐอิสระปัตตานี หรือสาธารณรัฐปัตตานีเท่านั้น
แต่จะได้เมืองไทยทั้งประเทศ
ทำแผ่นดินไทยให้เป็นแผ่นดินอิสลามได้เมื่อใด
ก็เท่ากับได้แผ่นดินไทยทั้งประเทศเมื่อนั้น
ไม่ต้องใช้กระสุนแม้แต่นัดเดียว!

----------
ผมไม่ได้พูดประชด แต่อนาคตจะต้องเป็นเช่นนี้
ท่านที่เห็นด้วยกับการคัดค้านไม่ให้สร้างพุทธมณฑลปัตตานี อย่ารีบตายนะครับ กรุณาอยู่ให้ถึงวันที่อิสลามเป็นศาสนาประจำชาติไทยก่อน
ถ้าอยู่จนถึงวันนั้นไม่ได้ สั่งลูกหลานไว้ให้รอดูก็ได้ครับ
ขอสวัสดีล่วงหน้าให้แก่ประเทศไทย

ป.ล.
ราชบุรีบ้านผมอิสลามกำลังแตกดอกออกช่อบานสะพรั่ง
อีกไม่นานคงเต็มจังหวัด
จังหวัดราชบุรีเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ ที่เรียกกันว่า พระสี่มุมเมือง
เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า ที่นี่เป็นแผ่นดินพระพุทธศาสนา
ในประเทศไทยมี ๔ องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไปประดิษฐานประจำภาคทั้ง ๔
ภาคเหนือประดิษฐานที่จังหวัดลำปาง
ภาคตะวันออกประดิษฐานที่จังหวัดสระบุรี
ภาคตะวันตกประดิษฐานที่จังหวัดราชบุรี
ภาคใต้ประดิษฐานที่จังหวัดพัทลุง
จังหวัดเหล่านี้ ต่อไปเมื่อประชากรมุสลิมมีมากขึ้น พระประจำเมืองก็คงจะต้องย้ายออกไปไว้ที่ประเทศอื่น เพราะอยู่ตรงนี้ "มุสลิมยอมรับไม่ได้"
ผมยังหนักใจว่า-จังหวัดนครปฐม ถ้าต่อไปประชากรมุสลิมมากขึ้น จะย้ายพระปฐมเจดีย์ไปไว้ที่ไหนกัน
จะโดนระเบิดทิ้งแบบพระพุทธรูปที่บามิยัน (Bamiyan) ในอัฟกานิสถาน
หรือจะเก็บไว้เป็นซากโบราณสถานแบบบุโรพุทโธ (Borobudor) ในเกาะชวา
เตรียมคิดกันไว้ให้ดีนะครับ
----------

ไม่ได้พูดประชด แต่อนาคตจะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน
และไม่ได้พูดเพื่อให้เกิดความแตกแยก
เพราะคนไทยไม่เคยก่อความแตกแยกกับศาสนาไหนๆ ที่มาเผยแพร่และที่มีอยู่ในประเทศไทย มีแต่ศาสนาไหนๆ เท่านั้นที่มาก่อเหตุแตกแยกกับเรา เช่น
ในพิธีประดับยศ ทหารไทยเคยตั้งพระพุทธรูป ก็สั่งไม่ให้ตั้ง
พระพุทธรูปประจำหน่วยราชการเคยอยู่ตรงนั้น ก็สั่งให้เอาไปไว้ที่อื่น
เวลานี้บอกไม่ให้สร้างพระพุทธรูปที่ตรงนั้น
มุสลิมดีๆ ทั้งนั้นแหละครับที่ออกมาทำเรื่องแบบนี้
ที่ต้องพูดดักเอาไว้ก่อนก็เพราะว่า เวลาใครเอาเรื่องมุสลิมทำอย่างนั้นอย่างนี้กับพระพุทธศาสนาขึ้นมาพูด ก็จะต้องมีท่านจำพวกหนึ่งลุกขึ้นมาบอกว่า-
เป็นแผนให้เราแตกความสามัคคี มุสลิมที่เขาดีๆ ก็มีเยอะ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี

เพราะฉะนั้น ใครเอาเรื่องแบบนี้ขึ้นมาพูดก็จะถูกตั้งข้อหาว่า-สร้างความแตกแยก
ผมเคยวาดภาพให้เห็น-เหมือนคนถูกเหยียบเท้า
ถ้าร้องขึ้น จะถูกตวาดทันทีว่าเอะอะโวยวายไม่เข้าเรื่อง
แต่ไอ้คนที่มันกำลังเหยียบเท้าเขาอยู่นั่น ไม่มีใครแตะเลย
เพราะถูกสะกดด้วยคาถา-มุสลิมดีๆ ก็มีเยอะ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี อย่าตกเป็นเหยื่อของการสร้างความแตกแยก
แปลเป็นไทยว่า-คุณต้องยอมให้ผมเหยียบเท้าซะดีๆ และโดยสงบ อย่าโวย เพราะการโวยเป็นการสร้างความแตกแยก ลองสังเกตดูเถอะ เป็นอย่างนี้ทุกที
สวัสดีประเทศไทยอีกที!

และ ป.ล. อีกที
ผมไม่ได้เขียนเรื่องนี้เพื่อจะให้ใครเกลียดชังพี่น้องมุสลิมนะครับ
ขอให้เราปรองดองสมานฉันท์กันไว้ให้มั่นคง – เพราะพี่น้องมุสลิมเป็นคนดี ไม่เคยทำอะไรให้ชาวพุทธเราต้องเจ็บช้ำน้ำใจ และไม่เคยคิดที่จะเบียนเบียนรุกรานพระพุทธศาสนา
อย่าโกรธและอย่าเกลียดกัน ไม่ว่าใครจะทำอะไรเรา
หรือใครที่มีหน้าที่ควรทำอะไร แต่กลับไม่ทำอะไร-ก็ตาม
และผมก็ไม่ได้ขอให้ใครไปทำอะไรใครด้วย
ขออย่างเดียวเท่านั้น คือขอให้ช่วยกันรู้ทันเอาไว้ให้มากๆ
เหมือนเจ้าของบ้านรู้ทันขโมยที่มักจะเข้าบ้านเมื่อเจ้าบ้านเผลอ
โดยหวังว่า เมื่อขโมยรู้ว่าเจ้าของบ้านรู้ทัน ก็จะไม่เข้ามาขโมยของ
เรียกว่า-ให้เกียรติขโมย-ว่างั้นเถอะ
แต่ถ้าขโมยยังหน้าด้านเข้ามาขโมยทั้งๆ ที่รู้ว่าเจ้าของบ้านเขารู้ตัวแล้ว
ถึงตอนนั้นเจ้าของบ้านก็ควรจะรู้ตัวว่าควรจะต้องลุกขึ้นมาทำอะไรและทำอย่างไร
แต่ถ้าถึงตอนนั้นเจ้าของบ้านยังไม่คิดจะทำอะไร-แบบที่ไม่ได้มีความคิดจะทำอะไรอยู่ในตอนนี้
ทีนี้ก็จะเห็นอนาคตของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยชัดแจ๋วแหววละขอรับ

<< นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย >>