วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วิสาขบูชา วันประกาศชัยชนะ พระอนันตชิน


วันตรัสรู้ธรรม

ทรงตรัสรู้ในวันวิสาขบูชา 

ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ พระจอมมุนีนาถ หลังจากได้บำเพ็ญเพียรมายาวนานถึง ๖ ปี ภายใต้ต้นอัสสัตถพฤกษ์ ในวันนั้น พระบรมโพธิสัตว์ได้ทรงนั่งคู้อปราชิตบัลลังก์ ซึ่งแม้สายฟ้าจะผ่าลงตั้ง ๑๐๐ ครั้งก็ไม่แตกทำลาย โดยทรงอธิษฐาน 


" แม้เลือดและเนื้อในกาย จักแห้งเหือดเหลือแต่หนัง เอ็น กระดูกก็ตาม ตราบใดที่เรายังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ได้รู้ ได้เห็นธรรมอันยิ่งแล้ว จักไม่ยอมลุกจากบัลลังก์นี้เป็นอันขาด จักนั่งอบรมกาย วาจา ใจ ให้ละเอียดถึงที่สุดให้ได้ "


ทรงตรัสรู้ในวันวิสาขบูชา


พระมหาบุรุษทรงพิจารณาปัจจยาการอันประกอบด้วยองค์ ๑๒ โดยอนุโลมและปฏิโลม หมื่นโลกธาตุหวั่นไหว ๑๒ ครั้ง จนจรดน้ำรองแผ่นดินเป็นที่สุดพระมหาบุรุษได้ทรงบรรลุสัพพัญญุตญาณ ในเวลาอรุณขึ้น...

...เมื่อพระมหาบุรุษทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว โลกันตนรกกว้าง ๕๐๐ โยชน์ในระหว่างจักรวาลทั้งหลาย ไม่เคยสว่างด้วยแสงพระอาทิตย์ ๗ ดวง ก็ได้มีแสงสว่างไสวเป็นอันเดียวกัน มหาสมุทรลึก ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ได้กลายเป็นน้ำหวาน แม่น้ำทั้งหลายหยุดไหล คนบอดแต่กำเนิดก็มองเห็นรูป คนหนวกแต่กำเนิดก็กลับได้ยินเสียง คนง่อยเปลี้ยแต่กำเนิดก็เดินได้ กรรมกรณ์ทั้งหลายมีเครื่องจองจำเป็นต้น ได้ขาดหลุดไป !! พระมหาบุรุษได้รับการบูชาจากเหล่าทวยเทพด้วยสมบัติอันประกอบด้วยสิริหาปริมาณมิได้ ทรงเปล่งอุทานว่า



" เราเมื่อแสวงหานายช่างคือตัณหา ผู้กระทำเรือน เมื่อไม่ประสบ ได้ท่องเที่ยวไปยังสงสารมิใช่น้อย การเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนนายช่างผู้กระทำเรือน เราเห็นท่านแล้ว ท่านจักทำเรือนไม่ได้อีกต่อไป ซี่โครงทั้งปวงของท่าน เราหักแล้ว ยอดเรือนเรากำจัดแล้ว จิตของเราถึงวิสังขาร คือนิพพานแล้ว เราได้ถึงความสิ้นตัณหาแล้ว "

เมื่อตรัสรู้แล้ว ก็ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเปี่ยมล้น อบรมพร่ำสอนชาวโลกให้ได้รู้และเห็นธรรมตามไปด้วย ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ๔๕ พรรษา พระพุทธองค์ต้องทรงดำเนินด้วยพระบาทเปล่า เสด็จจาริกไปเผยแผ่พระศาสนาตามดินแดนต่างๆ อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ทำให้มีสรรพสัตว์ได้บรรลุธรรมาภิสมัยเป็นอริยบุคคลมากมายนับไม่ถ้วน จากนั้นจึงเสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อทรงมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา

วิสาขบูชา สร้างบุญญา ฉลองพุทธชยันตี




วิสาขบูชา 
นั่งสมาธิบูชาข้าวพระ เสริมสร้างหลังคาสภาฯ 
บูชาอัฐิธาตุคุณยายฯ อุปสมบทอุทิศชีวิต เวียนประทักษิณรอบพระอุโบสถ
ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ธรรม




วันวิสาขบูชาวันสำคัญสากลโลก Vesak Day 

ภาคเช้า : ก็จะมีพิธีตักบาตรพระ บริเวณทางเข้า 5 สภาธรรมกายสากล  
ภาคสาย : ปฏิบัติธรรมร่วมกัน ณ สภาธรรมกายสากล,
พิธีบูชาข้าวพระ, พิธีถวายกองทุนเสริมสร้างหลังคาสภาธรรมกายสากล, และพิธีถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน
ภาคบ่าย 
เวลา 13.30 – 14.45 น.   ปฏิบัติธรรม,  พิธีสักการะมหารัตนอัฐิธาตุคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ณ ห้องแก้วสารพัดนึก
เวลา 14.30-15.30 พิธีอุปสมบทอุทิศชีวิตของสามเณรเปรียญธรรม จำนวน 12 รูป  ณ  อุโบสถวัดพระธรรมกาย(ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดทาง DMC มาที่สภาธรรมกายสากล ให้ผู้มีบุญทุกคนได้ร่วมอนุโมทนาบุญ)
เวลา 15.30 น.  เริ่มเคลื่อนขบวนอัญเชิญมหารัตนอัฐิธาตุคุณยายอาจารย์ฯ ไปประดิษฐานที่มหาวิหารคุณยายฯ
ภาคเย็น
เวลา 17.30 น.-18.30 น.  พิธีประดิษฐานมหารัตนอัฐิธาตุคุณยายอาจารย์ฯ  ณ  มหาวิหารคุณยายฯ
ภาคค่ำ : เวลา 19.00 น.- 20.00 น.  พิธีจุดวิสาขประทีป และเวียนประทักษิณรอบอุโบสถวัดพระธรรมกาย

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก


วันวิสาขบูชา เหตุใดจึงเป็นวันสำคัญสากลของโลก
 
วันวิสาขบูชา(vesak day)
วันวิสาขบูชา Vesak Day วันสำคัญสากลของโลก
 
     วันวิสาขบูชา องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของโลก โดยเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 54 ได้พิจารณาระเบียบวาระที่ 174 International recognition of the Day of Visak  ระบุว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดศาสนาหนึ่งของโลก ที่ได้หล่อหลอมจิตวิญญาณของมนุษยชาติมานาน ควรที่จะยกย่องกันทั่วโลก จึงประกาศให้วันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนพฤษภาคม เป็นวันสำคัญสากลนานาชาติ (International Day)
 
 
สหประชาชาตืตั้งวันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลก
สหประชาชาติตั้งวันวิสาขบูชา Vesak Day เป็นวันสำคัญสากลของโลก 
 
     โดยการเสนอของประเทศศรีลังกา และมีมติเป็นเอกฉันท์ในที่ประชุมสมัชชาครั้งนี้ โดยให้เหตุผลว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์ เปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนา เพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และทรงสั่งสอนทุกคนโดยไม่คิดค่าตอบแทน ในการพิจารณาประธานสมัชชาฯ ครั้งนั้นได้เชิญผู้แทนจากประเทศศรีลังกาขึ้นกล่าวนำเสนอร่างข้อมติ และเชิญผู้แทนไทย พม่า สิงคโปร์ บังคลาเทศ ภูฐาน เนปาล ปากีสถาน อินเดีย สเปนขึ้นกล่าวถ้อยแถลง สรุปความได้ว่า วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ เสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน ให้มวลมนุษย์มีเมตตาธรรมและขันติธรรมต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อให้เกิดสันติสุขในสังคม อันเป็นแนวทางของสหประชาชาติ จึงขอให้ที่ประชุมรับรองข้อมตินี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการรับรองความสำคัญของพุทธศาสนาในองค์การสหประชาชาติอีกด้วย
 
วันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก
วันวิสาขบูชาหรือ Vesak Day เป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
     วันวิสาขชบูชาคำว่า “วิสาขะ”นั้น เป็นภาษาบาลีแปลว่า เดือน  6 ส่วนในภาษาสันสกฤตเรียกว่า “ ไวศาขะ”  พระพุทธศาสนาในประเทศไทยเรียกเป็นภาษาบาลีว่า วิสาขะ  วิสาขบูชาคือการบูชาในเดือน 6 ศรีลังกาเรียกว่า วีสัค หรือ เวสัค (Vesak) จนกลายเป็นชื่อภาษาอังกฤษติดปากว่า Vesak หรือ Vesak Day อีกทั้งองค์การสหประชาติประกาศยอมรับวันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลก โดยใช้คำแทนวันวิสาขบูชาว่า Vesak ตามชาวศรีลังกา
 
พิธีเวียนเทียนในวันวิสาขบูชา
จุดวิสาขประทีปเพื่อทำการเวียนเทียนในวันวิสาขบูชา Vesak Day
 
     ในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ แถบเอเชียอาคเนย์จะจัดฉลองในวันวิสาขบูชาหรือวันเพ็ญกลางเดือน 6 คือ เดือนวิสาขะ แต่ในประเทศอื่นที่เป็นนิกายมหายาน เช่น ญี่ปุ่น จะไม่ฉลองวันวิสาขบูชาในเดือน 6  เพราะวันวิสาขบูชาของนิกายมหายานตรงกับวันเพ็ญกลางเดือน 8 ประเทศญี่ปุ่นกำหนดวันวิสาขบูชาตรงกับวันที่ 8 เมษายนของทุกปีปฏิทินสุริยคติ บางนิกายในบางประเทศไม่ได้กำหนดวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้าในวันเดียวกัน ประเทศที่นับถือมหายานถือว่าพระพุทธเจ้าประสูติวันหนึ่ง ตรัสรู้วันหนึ่ง และปรินิพพานอีกวันหนึ่ง เช่นประสูติวันที่ 8 เมษายน ตรัสรู้วันที่ 8ธันวาคม และปรินิพพานวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เราจึงเห็นได้ว่าในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนามหายาน จะถือเอาวันสำคัญที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าแตกต่างกันออกไป
 
เวียนเทียนในวันวิสาขบูชา
พิธีเวียนเทียนรอบมหาธรรมกายเจดีย์ ในวันวิสาขบูชา ณ วัดพระธรรมกาย
 
     การที่องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดวันวิสาขบูชาตรงกับวันเพ็ญกลางเดือน 6 จึงเป็นการกำหนดตามแบบพระพุทธศาสนาเถรวาท และในภาษาของสหประชาชาติจึงไม่เรียกวันเพ็ญกลางเดือน 6 เพราะเดือน 6 เป็นจันทรคติ สหประชาชาติ ใช้คำว่า วันเพ็ญเดือนพฤษภาคม ดังนั้น ถ้าวันเพ็ญกลางเดือนตรงกับวันใดในเดือนพฤษภาคม สหประชาชาติถือว่าวันนั้นเป็นวันวิสาขบูชา

วิสาขบูชา วันประสูติ พระอนันตชิน


ตอน วันประสูติ
  
ดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญปราศจากมลทิน โคจรไปในอากาศ
ย่อมสว่างกว่าหมู่ดาวบนท้องฟ้า ด้วยกำลังแห่งรัศมี ฉันใด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เมื่อทรงอุบัติขึ้น
ย่อมรุ่งโรจน์กว่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ฉันนั้น  
        การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับเป็นที่สุดแห่งบุญลาภของสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระองค์ทรงขจัดความทุกข์ของมนุษย์ให้พบสุขอันเป็นนิรันดร์ เหมือนดวงจันทร์ที่ขจัดความมืดมิดในรัตติกาล ทำความสว่างไสวให้เกิดขึ้นบนท้องนภา การได้ตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐ ทำให้พระองค์เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เหนือมนุษย์ทั้งหลาย เป็นครูทั้งของมนุษย์และเทวดา
        นับย้อนหลังจากมหาภัทรกัปนี้ไปใน ๔ อสงไขยแสนมหากัป พระบรมโพธิสัตว์ได้บังเกิดเป็นบุตรของเศรษฐีในเมืองอมราวดี เมื่อบิดามารดาตายหมดแล้ว จึงคิดว่า  “ทรัพย์สมบัติมากมายที่บรรพบุรุษของเราได้สั่งสมต่อๆ กันมาขนาดนี้ ไม่เห็นมีใครนำติดตัวไปได้สักคนเดียว  ดังนั้น จะมีประโยชน์อะไรที่เราจะมาหลงใหลมัวเมากับทรัพย์สมบัติเหล่านี้”  ว่าแล้วก็บริจาคทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่หลายร้อยโกฏิให้เป็นทานจนหมด  ออกบวชบำเพ็ญพรตมีนามว่า “สุเมธดาบส
        ต่อมาท่านได้มีโอกาสพบพระทีปังกรพุทธเจ้า ได้ทอดตนเหนือโคลนตามเป็นสะพานให้พระพุทธองค์ได้ก้าวข้ามไป แล้วตั้งความปรารถนาต่อเบื้องพระพักตร์ของพระบรมศาสดาว่า “ในอนาคตกาล ขอให้ข้าพระองค์ได้สำเร็จเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าเหมือนดังเช่นพระพุทธองค์ด้วยเถิด”
        พระทีปังกรพุทธเจ้าทรงเห็นด้วยพุทธญาณว่า “บุคคลนี้คือพระโพธิสัตว์ที่สั่งสมบารมีมายาวนาน” จึงมีพุทธพยากรณ์ว่า ท่านจะได้เป็นพระพุทธเจ้าสมหวังดังใจปรารถนา” 
        เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ท่านก็ทุ่มเทสร้างทสบารมีและได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรื่อยมาถึง ๒๕ พระองค์   ทรงบริจาคโลหิตเป็นทานมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่ ทรงสละเนื้อเป็นทานมากกว่ามหาปฐพี ทรงสละพระเศียรเป็นทานก็สูงกว่าเขาพระสุเมร และทรงสละดวงพระเนตรเป็นทานมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า
        หัวใจของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายยิ่งใหญ่เกินผู้ใดในอนันตจักรวาล แม้รู้ว่าสกลจักรวาลทั้งสิ้น เต็มด้วยถ่านเพลิงอันร้อนแรง เต็มไปด้วยหอกและหลาวที่แหลมคม หรือเต็มด้วยน้ำปริ่มฝั่งแล้ว หากสามารถก้าวข้ามได้ จะได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ตัดสินใจที่จะทอดเท้าก้าวข้ามไป เพื่อให้ได้มาซึ่งสัพพัญญุตญาณอันประเสริฐ
  
เมื่อพระบรมโพธิสัตว์สั่งสมบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ เต็มเปี่ยมบริบูรณ์แล้ว ก็ได้กลับขึ้นไปเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นท้าวสันดุสิตเทวราชจอมเทพแห่งดุสิตเทวภูมิ ครั้นได้เวลาอันเป็นอุดมมงคล เทวดาในหมื่นจักรวาลได้พร้อมใจกันเข้าไปทูลอาราธนาให้เสด็จลงไปตรัสรู้ธรรมในมนุษยโลกว่า
    ข้าแต่พระมหาวีระเจ้า  บัดนี้เป็นกาลสมควรแล้ว ขอได้โปรดอุบัติในพระครรภ์พระมารดา  เพื่อตรัสรู้อมตธรรม นำพาโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลกให้ข้ามสังสารวัฏอันยาวไกลไปสู่นิพพานด้วยเถิด
        พระบรมโพธิสัตว์ครั้นได้ทรงสดับการอาราธนาให้ลงไปจุติเพื่อตรัสรู้ธรรมแล้ว ก็ทรงพิจารณาปัญจมหาวิโลกนะว่า “เราจะไปบังเกิดที่ไหนดี”
    ทรงพิจารณาอายุของสัตว์โลก ว่า ธรรมดาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะอุบัติขึ้นในยุคสมัยที่มนุษย์มีอายุระหว่าง ๑๐๐ ปี ถึง ๑ แสนปีเท่านั้น เพราะถ้าหามนุษย์มีอายุมากกว่า ๑ แสนปี ก็จะไม่เข้าใจเรื่องชาติ ชรา มรณะ เนื่องจากมีอายุยืนยาว จึงมากไปด้วยความประมาท เมื่อพระศาสดาตรัสสอนเรื่องไตรลักษณ์ คือความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ก็จะไม่เชื่อฟัง แต่ครั้นมนุษย์มีอายุต่ำกว่า ๑๐๐ ปี ก็จะมีจิตใจหนาไปด้วยกิเลส คนอายุน้อย ไม่มีเวลาพอที่จะศึกษาธรรมะ มัวแต่ทำมาหากินและหลงใหลในโลกียวิสัย
        ทรงพิจารณาทวีปทั้ง ๔ คือ บุพพวิเทหทวีป อุตตรกุรุทวีป อมรโคยานทวีป และชมพูทวีป  ทรงเห็นว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงอุบัติขึ้นในชมพูทวีปเท่านั้น
        ทรงพิจารณาเห็นมัชฌิมประเทศ เป็นสถานที่บังเกิดขึ้นของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ทรงเลือกที่จะถือกำเนิดในขัตติยตระกูล  และพิจารณาเห็นว่าสตรีผู้สมควรเป็นพุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายา เพราะพระนางได้สั่งสมบารมีมาแสนกัปบริบูรณ์ เป็นสตรีผู้รักษาศีลห้าได้บริสุทธิ์เป็นปกติ
        ครั้นทรงพิจารณาปัญจมหาวิโลกนะแล้ว จึงรับอาราธนาของท้าวมหาพรหมและเทพยดาทั้งหลาย เสด็จจากทิพยนันทวันอุทยาน ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายาราชเทวี อัครมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์
        เมื่อวันอาสาฬหปุรณมีมาถึง พระนางสิริมหามายาได้ทรงบริจาคทานตามปกติ เสวยโภชนาหารอันประณีต ทรงสมาทานอุโบสถศีลดังเช่นที่เคยปฏิบัติมาเป็นประจำ แล้วเสด็จเข้าสู่ห้องบรรทม ทรงนิทรารมย์ในปฐมยามแห่งราตรี ครั้นเวลารุ่งสว่าง พระนางได้ทรงสุบินนิมิตว่า
        “ท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔  ได้พร้อมใจกันมาอัญเชิญพระนางไปพร้อมทั้งพระแท่นที่ประทับ นำไปยังป่าหิมพานต์ แล้วประดิษฐานลงบนแผ่นหินใหญ่ ภายใต้ต้นรัง ขณะนั้น มีนางเทพธิดามาเชิญพระนางให้เสด็จไปสรงน้ำในสระอโนดาต ลูบไล้ด้วยของหอม ประดับด้วยทิพยบุปผา จากนั้นก็อัญเชิญพระนางให้เสด็จเข้าบรรทมในวิมานทองซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดภูเขาเงิน  ในขณะนั้น ได้มีพญาช้างเผือกเชือกหนึ่ง ลงมาจากภูเขาทองมาสู่ห้องบรรทมของพระนาง ชูงวงถือดอกบัวขาวมีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ววิมาน เวียนประทักษิณพระนางครบ ๓ รอบแล้ว ปรากฎเสมือนหนึ่งว่า เข้าสู่พระอุทรทางด้านเบื้องขวาของพระนาง”
        ในขณะที่พระนางสิริมหามายาทรงสุบินนิมิตนั้น พระบรมโพธิสัตว์เสด็จจุติลงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนาง ขณะนั้น ก็พลันบังเกิดกัมปนาท แผ่นดินไหวมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ บุพนิมิต ๓๒ ประการได้ปรากฏขึ้นแล้วในหมื่นจักรวาล  ครั้นเวลารุ่งเช้า  พระนางเจ้าสิริมหามายาได้กราบทูลเล่าสุบินนิมิตให้พระสวามีทรงทราบ พระเจ้าสุทโธทนะจึงรับสั่งให้เชิญพราหมณ์ปาโมกข์โหราจารย์ทั้งหลายเข้าเฝ้า เพื่อให้ทำนายสุบินนิมิตของอัครมเหสี
        โหราจารย์ทั้งหลายฟังแล้ว ก็กราบทูลพยากรณ์ว่า “พระสุบินนิมิตของพระราชเทวี เป็นมหามงคลอันประเสริฐ พระองค์จะได้พระโอรสที่เลิศกว่าบุรุษทั้งปวง มีบุญญาธิการยิ่งใหญ่ มีอานุภาพมาก จะได้เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ หาผู้เสมอเหมือนมิได้ ถ้าสถิตอยู่ในเพศฆราวาสวิสัย จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าออกบรรพชาจะได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระศาสดาเอกในโลก” 
        นับตั้งแต่พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ บรรดากษัตริย์เมืองต่างๆ ได้ส่งราชบรรณการมาถวายพระเจ้ากรุงกบิลพัสดุ์เป็นจำนวนมาก และขณะที่พระองค์ประทับอยู่ในพระครรภ์ก็มิได้รู้สึกว่าคับแคบ พระมารดามีพระวรกายเบาสบายเหมือนมิได้ทรงพระครรภ์ สามารถทอดพระเนตรราชโอรสที่กำลังประทับนั่งขัดสมาธิ(Meditation)คู้บัลลังก์อยู่ในพระครรภ์ได้อย่างชัดเจน
        เมื่อพระนางทรงพระครรภ์ครบถ้วนทศมาส มีพระทัยปรารถนาจะเสด็จกรุงเทวทหะอันเป็นพระราชสกุลเดิม ในเช้าวันวิสาขปุรณมี พระนางได้เสด็จโดยเสลี่ยงทองแวดล้อมด้วยบริวารออกจากพระนคร เสด็จโดยลำดับจนเข้าสู่เขตป่าลุมพินี เป็นสถานที่รื่นรมย์สวยงาม บริบูรณ์ด้วยดอกไม้และไม้ผลนานาชนิด พระนางปรารถนาจะเสด็จเข้าไปประทับพักผ่อนเพื่อทัศนาชมราชอุทยาน บรรดาหมู่อำมาตย์จึงจัดสถานที่ให้เสด็จเข้าไปประทับใต้ร่มสาละ
  
        ขณะที่พระนางทรงสำราญอิริยาบถอยู่นั้น เมื่อทรงยกพระหัตถ์จับกิ่งสาละ ก็บังเกิดลมกัมมัชวาต เจ้าหน้าที่พนักงานจึงรีบช่วยกันจัดสถานที่อันเหมาะสม มีการผูกม่านแวดล้อมภายใต้ต้นสาละ  ครั้นเวลาใกล้เที่ยง  พระนางสิริมหามายาได้ประสูติพระโอรสผู้อุดมเลิศด้วยมหาปุริสลักษณะครบถ้วน ๓๒ ประการ  
        เมื่อพระมหาบุรุษประสูติจากพระครรภ์ ยังมิทันถึงพื้นปฐพี ท้าวมหาพรหมทั้ง ๔ จากชั้นสุทธาวาส รองรับพระวรกาย ด้วยข่ายทอง ท่อน้ำอุ่นและน้ำเย็นหลั่งลงมาจากอากาศโสรจสรงองค์พระมารดาและพระบรมโพธิสัตว์ จากนั้นท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ก็รับองค์พระมหาบุรุษจากพระหัตถ์ของมหาพรหม แล้วเหล่านางนมก็รับต่อไปอีก พระบรมโพธิสัตว์เสด็จลุกขึ้นประทับยืนบนพื้นปฐพีด้วยพระบาททั้งสอง แล้วทอดพระเนตรไปทั่งทั้งสิบทิศ มิได้เห็นบุคคลใดจะมีบุญบารมีเสมอเหมือนพระองค์เลย จึงหันพระพักตร์ไปทางทิศอุดร เสด็จดำเนินด้วยพระบาทไป ๗ ก้าว มีดอกอุบลผุดขึ้นมารับทุกย่างก้าว แล้วทรงบันลือสีหนาทเปล่งอาสภิวาจา ด้วยพระสุรเสียงอันไพเราะดุจเสียงท้าวมหาพรหมว่า
        “อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส  เชฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส  เสฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส  อยมนฺติมา ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโวติ  แปลว่า เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐในโลก เราเป็นเจริญที่สุดในโลก ความเกิดของเรานี้ เป็นชาติสุดท้าย ภพใหม่ของเราไม่มีอีก”
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 

เสริมสร้างหลังคา เสริมสร้างบุญญาให้แก่ตน



กองทุนเสริมสร้างหลังคาสภาธรรมกายสากล

      หลังจากงานวันบรรพชาสามเณร 100,000 รูปทุกหมู่บ้านทั่วไทย รุ่นภาคฤดูร้อน ในวันที่ 31 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ทำให้ลูกพระธัมฯ ทั่วโลกจะได้บุญใหญ่กันอีกครั้ง ด้วยการถวายหลังคาเพื่อเสริมสร้าง (ซ่อมแซม) หลังคาที่เสียหายไปจากลมพายุในวันวิสาขบูชา 4 มิถุนายน 2555 ที่จะถึงนี้

สภาธรรมกายสากลนับว่าเป็นศาลาฟังธรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
 
สภาธรรมกายสากลนับว่าเป็นศาลาฟังธรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
 

สภาธรรมกายสากล
       สภาธรรมกายสากลเป็นศาลาอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ 2 ชั้น ชั้นบนเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและฟังธรรม รองรับสาธุชนได้ 300,000 คน  และมีรัตนบัลลังก์ ใช้เป็นศูนย์กลางสภาธรรมกายสากล และพื้นที่นั่งของพระภิกษุสงฆ์กว่า 1,000 รูป ชั้นล่างเป็นลานจอดรถ ใช้จอดรถได้กว่า 10,000 คัน ศูนย์ประชุม สำนักงาน และห้องน้ำ สภาธรรมกายสากลมีพื้นที่ใช้งานประมาณ 572,336 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 250 ไร่เศษ ซึ่งขนาดใหญ่กว่าสนามหลวงถึง 3 เท่า โครงสร้างหลังคาเป็นโครงเหล็กใหญ่พิเศษ ที่ออกแบบให้มีลักษณะสูงโปร่ง หลังคาทำจากสแตนเลส เพื่อความคงทนถาวร ท้องหลังคากรุด้วยฉนวนกันความร้อนและกันเสียงสะท้อน มีระบบภาพและเสียงครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดด้วยระบบโทรทัศน์วงจรปิด รวมทั้งระบบสุขภาวะที่อำนวยความสะดวกห้องน้ำที่ชั้นล่าง และจุดบริการอาหาร จุดปฐมพยาบาล จุดรับบริจาค กระจายทั่วทั้งพื้นที่สภาธรรมกายสากล

       สภาธรรมกายสากลนับว่าเป็นศาลาฟังธรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ ก็เพื่อรองรับสาธุชนที่พร้อมใจกันมาประพฤติปฏิบัติธรรมในวันอาทิตย์มากถึง 100,000 คนในทุกๆ อาทิตย์ และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาตลอดต่อเนื่องเสมอมา ถือได้ว่าเป็นอาคารที่ใช้สร้างคนดีที่โลกต้องการเป็นจำนวนหลายล้านคนจากทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ

กองทุนเสริมสร้างหลังคาสภาธรรมสากล

        ข่าวดีที่สาธุชนทุกท่านจะได้ร่วมกันซ่อมแซมสภาธรรมกายสากล ที่เสียหายจากพายุในวันที่ 31 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ทำให้หลังคาบริเวณด้านหลังสภาธรรมกายสากลเสียหาย

ผลบุญว่าด้วยการถวายหลังคา
       ในกาลเมื่อพระติณสันถารทายกเถระได้บวชเป็นฤๅษีอยู่ในป่า ได้เกี่ยวหญ้าถวาย แด่พระศาสดา เกิดอัศจรรย์หญ้าทั้งหมดนั้นเวียนไปทางเบื้องขวาของพระศาสดาแล้วตกลงที่พื้น พระเถระได้ถือเอาหญ้านั้นมาลาดลงที่แผ่นดินดอน ๆ และนำเอาใบตาล 3 ใบมาทำเป็นหลังคาถวายแด่พระศาสดาพระนามว่าสิทธัตถะ เทวดาและมนุษย์ ณ ที่นั้นบูชาพระศาสดาผู้เข้านิโรธสมาบัติตลอด 7 วัน.

       ในกัปที่ 94 แต่ภัทรกัปนี้ ผลที่พระเถระได้ถวายหญ้าและใบตาลในกาลนั้น ทำให้ท่านไม่รู้จักทุคติเลย. ในกัปที่ 65 แต่ภัทรกัปนี้ ได้เป็นพระจักรพรรดิ 4 ครั้ง ทรงพระนามว่ามหัทธนะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ มีพละมาก ถึงพร้อมด้วยคุณวิเศษ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6 พระเถระได้ทำให้แจ้งชัดแล้วในคำสอนของพระพุทธเจ้า

*ติณสันถารทายกเถราปทาน พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม 8 ภาค 2 - หน้าที่ 605

สภาธรรมกายสากล
 
สภาธรรมกายสากลรองรับสาธุชนที่พร้อมใจกันมาประพฤติปฏิบัติธรรม
ในวันอาทิตย์มากถึง 100,000 คนในทุกๆ อาทิตย์
 

การร่วมบุญ
      การร่วมบุญเป็นกองทุนละ 1 ตารางเมตร (สอบถามเพิ่มเติม 089-685-0072)  สามารถร่วมบุญได้ที่ห้องรับบริจาค (ห้องขันติ สำนักงานใหญ่) หรือ ห้องรับบริจาคที่บริเวณข้างหอฉันคุณยายอาจารย์ ได้ทุกวันจันทร์-เสาร์ เวลา 8.00-17.00 น. หรือสามารถร่วมบุญผ่านทางเว็บ dmc.tv ได้ที่เสา E6 สภาธรรมกายสากลฯ หรือโทรศัพท์  089-685-0072 

ของที่ระลึกจากากร่วมบุญ

- 1 ตารางเมตร รับเหรียญหลวงปู่รุ่น “ถล่มมาร“ ไว้เป็นเครื่องนึกถึงบุญ

- 10 ตารางเมตร รับเหรียญหลวงปู่รุ่น “ถล่มมาร“ 10 เหรียญ และรัตนชาติต้นสมบัติ 1 ถุง (และหากร่วมบุญผ่านทางเว็บ dmc จะได้รับของที่ระลึก หลวงปู่แก้วใสขนาด 2 นิ้ว พิเศษจากทางเว็บเพิ่มอีก 1  ชี้นไว้เป็นเครื่องนึกถึงบุญ)

- 34 ตารางเมตร หรือมากกว่า ได้รับของที่ระลึกพิเศษขึ้นไปไว้ระลึกนึกถึงบุญ
สอบถามเพิ่มเติม 089-685-0072

กองทุนเสริมสร้างหลังคาสภาธรรมสากล
 
ภาพสาธุชนมานั่งสมาธิ(Meditation) ปฏิบัติธรรมกัน ณ สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย

การทำบุญ
 
ท่านสามารถร่วมบุญกับกอง dmc.tv  รหัสกอง 08-1006-851-6880
ร่วมบุญได้ทางธนาคารไทยพาณิชย์ชื่อบัญชี ทศพร บุญยรางกูร
เลขที่บัญชี 314-456911-8
 
เมื่อทำบุญแล้วให้แจ้งที่ Contact @dmc.tv
สอบถามเพิ่มเติม โทร.08-9685-0072 หรือทุกวันอาทิตย์ที่ เสา E6 สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย

สำหรับการโอนปัจจัยจากต่างประเทศ

SWIFT CODE : SICOTHBK
BANK NAME : SIAM COMMERCIAL BANK
BRANCH NAME : KLONGLUANG
BANK ADDRESS : 93 MOO 8 KLONGLUANG PATHUMTHANI 12120 THAILAND
ACC NAME : Phramaha Thossaporn Boonyarangkul
ACC Type : Saving

 
สภาธรรมกายสากลถือได้ว่าเป็นอาคารที่ใช้สร้างคนดีที่โลกต้องการเป็นจำนวนหลายล้านคนจากทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ 
 
สภาธรรมกายสากลถือได้ว่าเป็นอาคารที่ใช้สร้างคนดีที่โลกต้องการ
เป็นจำนวนหลายล้านคนจากทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ 
 
อานิสงส์การถวายหลังคา
 

1. ย่อมบังเกิดในปฏิรูปเทส ได้อยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนาไปทุกภพทุกชาติ

2. ย่อมเข้าถึงฐานะของความเป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ สมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ

3. ย่อมมีพวกพ้องบริวารที่เป็นสัมมาทิฏฐิ มีกัลยาณมิตรคอยชี้แนะไปสู่หนทางอันประเสริฐ

4. ย่อมเข้าถึงฐานะอันสูงส่งเป็นที่รัก ที่เกรงใจของมหาชนทั้งหลาย

5. ย่อมมีปัญญาเฉลียวฉลาดในการดำเนินชีวิต

6. ย่อมเข้าถึงธรรมอันบริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โดยง่าย
 
 
สอบถามรายละเอียดกองทุนเสริมสร้างหลังคาสภาธรรมกายสากล
โดยกรอกรายละเอียด
 

ชื่อ-สกุล  โทรศัพท์ 
Email 

รายละเอียดที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติม 
 
 

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ธุดงค์ธรรมชัย ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ธรรม


ชี้แจงกรณีธุดงค์ธรรมชัย
ธุดงค์ธรรมชัยถูกต้องดีงามตามพระธรรมวินัย
จากวัตถุประสงค์โครงการธุดงค์ธรรมชัยที่ได้ตั้งไว้ เพื่อฉลองพุทธชยันตี 2,600  ปี แห่งการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อัญเชิญรูปหล่อทองคำพระมงคลเทพมุนีไปประดิษฐาน ณ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สร้างความเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อปลูกฝังศีลธรรมแก่ประชาชน 
(สามารถดูเพิ่มเติมจาก dmycenter.com)
วัตถุประสงค์โครงการ
  • เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
  • ฟื้นฟูจิตใจ สร้างบุญใหญ่ให้แผ่นดิน ปลุกกระแสศีลธรรม สร้างขวัญกำลังใจ และความเป็นสิริมงคลให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ
  • ฟื้นฟูวัฒนธรรมชาวพุทธที่ดีงามกลับคืนสู่สังคมไทย ให้สมกับที่นานาประเทศเลือกประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก
  • ส่งเสริมสถาบันครอบครัว ให้พ่อ แม่ ลูก มีกิจกรรมที่สร้างความอบอุ่น โดยมาทำบุญใหญ่ร่วมกัน ปลูกฝังศีลธรรมให้กับเยาวชน และประชาชนทั่วไป
ธุดงค์ธรรมชัยอัญเชิญหลวงปู่ทองคำในวันที่ 2-6 เมษายน พ.ศ.2555 ที่่ผ่านมานั้น เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามที่คณะผู้จัดได้ตั้งไว้ เพื่อฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ธรรม ปลูกฝังศีลธรรม
สมาทานธุดงควัตรและบำเพ็ญสมณธรรม
พระธุดงค์ธรรมชัยจำนวน 1,500 รูป ทุกรูปตั้งใจออกบวชเพื่อกำจัดขัดเกลากิเลสอาสวะออกจากใจ อุปสมบทถูกต้องตามพระธรรมวินัย บำเพ็ญสมณธรรมอย่างต่อเนื่องตลอดตั้งแต่วันแรกที่ตนได้บวชมา จึงชื่อว่าเป็นพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า เป็นผู้ทรงจำคำสอนของพระพุทธองค์ เป็นบุคคลที่ควรแก่การบูชา
ในการเดินธุดงค์ธรรมชัยนั้นพระธุดงค์ได้สมาทานธุดงควัตร 2 ข้อ คือ เอกาสนิกังคะ - สมาทานองค์แห่งผู้ถือนั่งฉัน ณ อาสนะเดียว และ ยถาสันถติกังคะ - สมาทานองค์แห่งผู้ถืออยู่ในเสนาสนะแล้วแต่ที่เขาจัดให้ และในการเดินธุดงค์ท่านได้บำเพ็ญสมณธรรมคือการเดินโดยสำรวม "มองกลาง มองทาง" มองกลาง คือ มองไปที่จิตของตนเองเพื่อเจริญสติทำสมาธิ เรียกได้ว่าเป็นการเดินจงกรม แม้มีศรัทธาสาธุชนมาคอยต้อนรับสองข้างทางมากมาย พระธุดงค์ทุกรูปก็ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมโดยตลอด โดยการเจริญอนุสติระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า เรียกว่า พุทธานุสติ พระธุดงค์บางรูปเมื่อนึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วก็ระลึกต่อไปถึงธรรมะที่พุทธองค์ทรงเทศนาไว้ ก็ชื่อว่า เจริญธรรมานุสติ บางรูปนึกถึงคุณของพระมงคลเทพมุนีที่ท่านกำลังอัญเชิญไปวัดปากน้ำอยู่นั้น ก็ชื่อว่าเป็น สังฆานุสติ การเจริญสมณธรรมของพระภิกษุที่เดินธุดงค์ธรรมชัยทุกรูปนี้จึงชื่อว่า ขัดเกลากิเลสให้เบาบางลง
พระธุดงค์แต่ละรูปบางรูปบวชมามากกว่า 20 พรรษา บางรูปแม้เพิ่งบวชในโครงการอุปสมบทหมู่ 1 แสนรูปทุกหมู่บ้านฯ รวมถึง 1,500 รูป แต่ละรูปก็ตั้งใจรักษาศีลเจริญสมาธิภาวนามาโดยตลอดเวลาที่ท่านบวชอยู่ และท่านได้มาถือธุดงควัตรได้ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม ปฏิบัติตนถูกต้องตามพระธรรมวินัย บุญกุศลที่เกิดขึ้นนี้พระธุดงค์น้อมถวายเป็นพุทธบูชา เพื่อฉลองพุทธชยันตี 2,600  ปีแห่งการตรัสรู้ธรรม
กิจกรรมปลูกฝังศีลธรรม เจริญพุทธมนต์เฉลิมฉลองพุทธชยันตี
พระธุดงค์จำนวน 1,500 รูป ท่านได้เดินจาริกบนเส้นทางอัญเชิญหลวงปู่ทองคำ จากวัดพระธรรมกายไปยังวัดปากน้ำภาษีเจริญ ทำให้สาธุชนชาวบ้านหลายหมื่นคนได้มีโอกาสต้อนรับพระธุดงค์ตลอดเส้นทาง  และในทุกๆ ที่ที่พระธุดงค์ไปพักค้าง จะมีชาวพุทธหลายพันคน บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็มาเป็นครอบคร้ว บ้างชักชวนเพื่อนบ้านหมู่ญาติให้มาอุปัฏฐากบำเพ็ญบุญกุศลกับพระธุดงค์  
พระธุดงค์ยังได้ทำกิจวัตรของพระภิกษุคือการสวดมนต์ทำวัตรเย็น ทำให้สาธุชนที่คอยมาอุปัฏฐากได้สวดมนต์รักษาศีลกันมากมาย และที่พักค้างของพระธุดงค์ได้มีกิจกรรมสร้างบุญกุศลอีกมากมาย อาทิเช่น 
1.ถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน ในทุกๆ เช้า ณ ที่พักค้าง มีกิจกรรมถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานแก่พระธุดงค์ 1,500 รูป ทำให้สาธุชนหลายหมื่นได้สมาทานศีล 5 ทำใจให้สงบเจริญสมาธิภาวนา แผ่เมตตาให้กับหมู่ญาติที่ล่วงลับและสรรพสัตว์ทั้งหลาย รับพรอันเป็นสิริมงคลจากพระธุดงค์
2.จุดโคมประทีป ที่พักค้างสนามกีฬาเทพหัสดินได้มีกิจกรรมจุดโคมประทีปมากกว่า 3,000 ดวงและจุดพลุถวายเป็นพุทธบูชา สาธุชนได้มาสมาทานศีลนั่งสมาธิระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเนื่องในวาระครบรอบการตรัสรู้ธรรมพุทธชยันตี 2,600 ปี

ภาพการจุดโคมประทีปและพลุถวายเป็นพุทธบูชา ฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปีฯ
3.เจริญพุทธมนต์ ณ ที่พักค้างโรงเรียนสารวิทยา และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย พระธุดงค์ 1,500 รูปเจริญพุทธมนต์ สาธุชนได้ฟังพุทธมนต์ ซึ่งถือเป็นการปัดเป่าสิ่งเลวร้ายให้สลายสูญไป สร้างสิริมงคลต่อตัว
จะเห็นได้ว่ากิจกรรมในโครงการธุดงค์ธรรมชัยทั้งหมดนี้เป็นการปลูกฝังศีลธรรม สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชน ส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้ได้มีโอกาสมาทำบุญร่วมกัน  เพิ่มความเป็นสิริมงคลให้แก่ประเทศ และเป็นการฉลองพุทธชยันตีครบรอบ 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ธรรมอย่างแท้จริง
การตอนรับพระธุดงค์
โปรยกุหลาบบูชาบุคคลผู้ควรบูชา
พระธุดงค์ธรรมชัยท่านสมาทานธุดงค์วัตรและบำเพ็ญสมณธรรมจัดว่าเป็นภิกษุผู้มีศีลตั้งใจขัดเกลากิเลสให้เบาบาง การได้โปรยดอกไม้ของหอมต้อนรับบูชาพระธุดงค์นี้จึงจัดเป็นหนึ่งในมงคล 38 ประการ คือ บูชาบุคคลผู้ควรบูชา 



ชาวกรุงเทพฯ จำนวนมากออกมาต้อนรับพระธุดงค์ด้วยศรัทธา
ดอกกุหลาบเป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความรัก การที่ชาวพุทธโปรยดอกกุหลาบต้อนรับพระธุดงค์นั้นเป็นการแสดงความรักในพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ทางคณะจัดงานจึงได้เลือกดอกกุหลาบเพื่อโปรยเป็นเส้นทางสำหรับต้อนรับพระธุดงค์ โดยตั้งใจว่าจะโปรยตลอดทุกย่างก้าวที่พระธุดงค์ท่านเดินจาริกไป เป็นการบูชาพระสงฆ์ผู้ทรงคุณธรรมอย่างยากที่จะหาใครทำตามได้ โดยได้เชิญชวนประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านจัดเตรียมดอกกุหลาบเพื่อมาต้อนรับพระธุดงค์ 
เมื่อพระธุดงค์เดินจาริกไปตามเส้นทาง ชาวกรุงในระแวกก็ต่างออกมาต้อนร้บพระธุดงค์เป็นอันมาก ชาวกรุงบางคนทราบว่าจะมีพระเดินผ่านหน้าบ้าน ก็ได้จัดเตรียมกลีบดอกกุหลาบ น้ำเย็น ผ้าเย็น ลูกอมชุ่มคอ เพื่อมาต้อนรับพระธุดงค์ บางคนตระเตรียมสิ่งของไม่ทันก็รีบไปซื้อดอกกุหลาบสดๆ จากในตลาดเพื่อมาเด็ดกลีบกุหลาบโปรยต้อนรับพระธุดงค์ บางท่านพอจะหยิบฉวยอะไรเพื่อมาเอาบุญกับพระธุดงค์ได้ก็หยิบมา เช่น กระดาษทิชชู่ น้ำขวด ฯลฯ ผู้มีศรัทธามีอยู่มากแต่ทราบข่าวไม่ทั่วถึงและเตรียมตัวไม่ทันก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย
ชาวกรุงเทพฯเกิดศรัทธาจึงเตรียมสิ่งของมาต้อนรับพระธุดงค์
เจ้าหน้าที่เตรียมดอกกุหลาบไว้ให้เพื่ออำนวยความสะดวก
ชาวกรุงบางคนเพิ่งจะเห็นว่ากำลังมีพระธุดงค์เดินผ่าน จึงไม่ทันได้เตรียมดอกกุหลาบหรือของอย่างอื่นมาเพื่อต้อนรับ แต่มีศรัทธาที่จะต้อนรับพระธุดงค์  จึงได้มานั่งประนมมือต้อนรับ เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นเช่นนี้จึงนำดอกกุหลาบทีได้จัดเตรียมไว้ นำไปมอบให้ทำให้ชาวกรุงได้โปรยดอกกุหลาบต้อนรับพระธุดงค์อย่างทั่วหน้าและอย่างเบิกบาน
คณะผู้จัดงานตั้งใจจะทำทางกุหลาบเพื่อต้อนรับพระธุดงค์ บูชาบุคคลที่ควรบูชาทุกย่างก้าวจนถึงวัดปากน้ำ เพื่อให้ชาวกรุงได้ตระหนักและระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ว่าพระธุดงค์คือใคร เหตุใดจึงต้องกระทำการบูชาให้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ บูชาอย่างไร บูชาแล้วได้อะไร เพื่อให้ชาวพุทธได้เกิดคำถามและแสวงหาคำตอบ ได้พูดคุยสนทนากันในเรื่องที่เป็ญกุศล อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเสริมสร้างศีลธรรมให้เกิดขึ้นแก่สังคม
การบูชาในสมัยพุทธกาล
ในสมัยพุทธกาลนั้นมีการบูชาพระรัตนตรัยที่ยิ่งใหญ่มากมาย เช่น การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างอลังการ ดั่งเรื่องเมืองเวสาลี (http://www.dmc.tv/pages/latest_update/20111215-Super-Big-Cleaning-ในครั้งพุทธกาล.html) ที่มีการโปรยดอกหลายหลากสีหลากชนิดทำเป็นทางให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสาวกได้ดำเนินผ่าน มีการกั้นฉัตร กั้นธง สร้างพระคันธกุฏีอย่างอลังการ 
เรื่องการบูชาพระรัตนตรัยในครั้งพุทธกาลนั้นมีเกิดขึ้นมากมาย บูชาด้วยทองคำบ้าง ด้วยรัตนชาติบ้าง ด้วยดอกไม้ ด้วยอวัยวะ ด้วยชีวิต ซึ่งผู้กระทำการบูชานั้นมีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย จึงตั้งใจทำการบูชาอย่างวิจิตรอลังการ และเมื่อเทียบกับการบูชาต้อนรับพระธุดงค์ด้วยกลีบดอกกุหลาบนั้น ถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการบูชาของชาวพุทธในครั้งพุทธกาล
ความรู้สึกของพระธุดงค์ที่เหยียบดอกกุหลาบ
พระธุดงค์ที่ท่านเดินบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ เมื่อได้เห็นการต้อนรับของญาติโยมด้วยความเคารพศรัทธาอย่างมาก ที่นำกลีบดอกกุหลาบซึ่งมีราคาแพงมีความปราณีตมาโปรยให้พระแต่ละรูปได้เดินเหยียบ พระธุดงค์จะเกิดความรู้สึกว่า เหตุใดญาติโยมจึงได้นำดอกกุหลาบมีราคาแพงเช่นนี้มาต้อนรับเรา เรามีข้อวัตรปฏิบัติถูกต้องดีงามหรือยัง พระธรรมวินัยเรารักษาดีแล้วหรือยัง สมณธรรมเราบำเพ็ญดีแล้วหรือยัง เรามีคุณธรรมคุณวิเศษเพียงพอเป็นเนื้อนาบุญให้ญาติโยมได้แล้วหรือยัง ถ้ายังเราจะต้องฝึกฝนตนเองข้อใดให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก เมื่อเกิดคำถามเช่นนี้ขึ้นในใจ ทำให้พระธุดงค์เกิดความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะบำเพ็ญสมณธรรมของตนให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
พระธุดงค์บางรูปได้เห็นญาติโยมมาต้อนรับอย่างอลังการเช่นนี้ทำให้เกิดความรู้สึกว่า อยากจะบวชต่อไป ไม่อยากลาสิกขา อยากเป็นเนื้อนาบุญให้ญาติโยม อยากบำเพ็ญสมณธรรม บางรูปถึงกับตั้งใจบวชตลอดชีวิตก็มี การที่พระภิกษุเกิดความคิดเช่นนี้การลาสิกขาก็จะน้อยลง พระก็จะบวชศึกษาพระธรรมวินัยเพิ่มมากขึ้น  นี้มีแต่จะเป็นผลดีต่อพระพุทธศาสนา 
พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง
เมื่อญาติโยมมาต้อนรับพระธุดงค์มาเป็นกำลังใจให้พระธุงดค์ และพระธุดงค์ก็ตั้งใจบวชตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมตั้งใจเป็นเนื้อนาบุญและเป็นกำลังใจให้ญาติโยมเช่นนี้แล้ว ทั้งพุทธบริษัทสี่ต่างเป็นกำลังใจให้กันและกัน ญาติโยมก็มีกำลังใจอุปัฏฐากดูแลพระ พระก็มีกำลังใจปฏิบัติธรรม บำรุงศาสนาสถาน เผยแผ่พุทธธรรมเช่นนี้แล้ว พระพุทธศาสนามีแต่จะเจริญรุ่งเรือง ไม่มีคำว่าเสื่อมถอยลงเลย 
การเห็นสมณะถือว่าเป็นมงคล
พระสงฆ์ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของศีลธรรมความดีงาม เมื่อพระธุดงค์ธรรมชัยผ่านหน้าบ้าน ชาวบ้านที่กำลังทำบาปอกุศล เช่น ตั้งวงดื่มสุรา เล่นไพ่ เมื่อเห็นพระก็เกิดความละอายต่อบาป หยุดทำบาปไปชั่วคราว ต่างเกิดบทสนทนาอันเป็นกุศล ซักถามว่า พระท่านมาจากไหน ท่านจะไปไหน พระท่านมากี่รูป เป็นต้น ก็ชวนให้หาคำตอบ และได้มีโอกาสละชั่วรักษาศีลและสั่งสมบุญใหญ่กับพระธุดงค์ การที่พระธุดงค์เดินผ่านจึงชื่อว่าเห็นสมณะ เป็นมงคลอันสูงสุดโดยแท้ 
พระเหยียบดอกกุหลาบไม่ถือเป็นการลบหลู่พระรัตนตรัย
ดอกกุหลาบถือเป็นดอกไม้กลางๆ เป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความรัก มีการใช้ดอกกุหลาบในหลายลักษณะ เช่น งานแต่งงาน ชายหนุ่มมอบให้หญิงสาว บางที่นำดอกกุหลาบโปรยให้สุนัขตัวผู้เมียที่แต่งงานกันเดินเพื่อไปผสมพันธุ์กัน บ้างก็นำไปประดับตกแต่งให้สวยงาม ดอกกุหลาบมีใช้กันอย่างแพร่หลายขึ้นอยู่กับการใช้งาน จึงไม่ถือว่าเป็นการลบหลู่พระรัตนตรัยแต่อย่างใด

ชี้แจงประเด็นการเดินธุดงค์ไม่มีสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า
การเดินธุดงค์ธรรมชัยครั้งนี้เพื่ออัญเชิญหลวงปู่ทองคำไปประดิษฐานที่วัดปากน้ำ จึงนำรูปเหมือนทองคำหลวงปู่ฯนำหน้าแถวพระธุดงค์ 
พระธุดงค์จัดเป็นพระสงฆ์เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย นี้ก็ถือว่าเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่แล้ว การจะกล่าวว่า "ไม่มีอะไรสื่อถึงพระพุทธองค์เลย หรือไม่มีพระพุทธรูปนำหน้า" ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกจากการธุดงค์ทั่วไปแต่อย่างใด เพราะก็ไม่มีการธุดงค์ใดนำพระพุทธรูปไว้นำหน้าแถวพระธุดงค์หน้าเช่นกัน
ชี้แจงธุดงควัตรข้ออยู่ในเสนาสนะที่เขาจัดให้
ในการถือธุดงควัตรข้อ ยถาสันถติกังคะ พระธุดงค์จำนวน 1,500 รูปมาอยู่รวมกัน การจะจัดเตรียมสถานที่ให้มีความสะดวกสบายในทุกด้านนั้นคงเป็นไปได้ยาก จะเตรียมได้ก็เท่าที่พอจะพักอาศัยได้เท่านั้น
ที่จำวัตร(ที่นอน)ของพระธุดงค์ เป็นสนามกีฬาหรือลานโล่ง และให้พระธุดงค์แต่ละรูปกางกลดจำวัตร เป็นการลดภาระเจ้าหน้าที่ที่ต้องเตรียมที่หลับที่นอน ไม่ได้มีห้องแอร์ เตียง ฟูกนอนอย่างสะดวกสบายแต่อย่างใด
ห้องสรงน้ำ(อาบน้ำ)ของพระธุดงค์ ใช้การบังด้วยซันแลนทึบล้อมเป็นบริเวณ และใช้ถังน้ำขนาดใหญ่ให้พระธุดงค์ตักอาบ ไม่ได้มีฝักบัว ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น พระธุดงค์ทุกรูปต้องรู้จักประมาณในการใช้น้ำเพราะน้ำมีจำกัด หากใช้น้ำมากไปก็ไม่เพียงพอ ใช้น้ำน้อยไปก็ไม่สะอาด การซักผัาจีวรก็ใช้ถังรวมในการซักเพื่อประหยัดน้ำ(ดังรูป)
ห้องขับถ่าย(ห้องสุขา)ของพระธุดงค์ ใช้ตามแต่สถานที่ที่พักค้างจะมีให้ เช่น โรงเรียนก็จะมีห้องน้ำพอดีๆกับพระจำนวน 1,500 รูป
ที่ฉันภัตตาหาร(ห้องอาหาร)ของพระธุดงค์ เมื่อพระท่านตื่นจากจำวัตรก็ต้องเก็บกลดเพื่อให้มีพื้นที่โล่งสำหรับฉันภัตตาหาร นั่นก็คือนั่งฉันตรงสนามกีฬานั่นเอง
ห้องสวดมนต์ทำวัตรนั่งสมาธิ ก็เป็นที่เดียวกันกับที่จำวัตร ทั้งที่นั่งสมาธิ ที่ฉันภัตตาหาร ที่จำวัตรเป็นที่เดียวกัน เพราะการจะจัดเตรียมสถานที่ใหญ่โตเพื่อรองรับพระจำนวน 1,500 รูปนั้นทำได้ยาก
จะเห็นได้ว่า การพักในที่ที่เขาจัดไว้ให้ของพระธุดงค์นั้นเรียบง่ายไม่ได้มีความหรูหร่าฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด
ชี้แจงเรื่องการแบกกลด
จากประเด็นว่า "พระธุดงค์ธรรมชัยในเมื่อไม่ได้ถืออัพโภกาสิกธุดงค์(ถืออยู่กลางแจ้ง) ด้วยแล้ว กลดก็ยิ่งไม่จำเป็นแต่อย่างใดเลย"
การถือธุดงค์ข้ออัพโภกาสิกธุดงค์นั้น คือการอยู่กลางแจ้ง การถือธุดงค์ข้อนี้จำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งตลอดเวลา คือต้องปักกลดบริเวณนอกเงาบังทั้งหลาย ถึงแม้พระธุดงค์ธรรมชัยจะไม่ได้ถือธุดงควัตรข้อนี้ แต่การจะไม่ให้พระธุดงค์นำกลดไปและเจ้าหน้าที่จัดสถานที่พักให้พระจำนวน 1,500 รูปอยู่ใต้ชายคานั้นคงเป็นไปได้ยาก จะหาที่พักได้ก็เพียงแต่ลานโล่ง เช่น สนามกีฬา ลานอเนกประสงค์ตามโรงเรียน เป็นต้น 
เพื่อป้องกันยุงและสัตว์ร้ายต่างๆ ป้องกันค้าง ป้องกันกิริยาอันไม่เรียบร้อยอันเกิดจากการหลับนอน เพื่อลดภาระของเจ้าของสถานที่ที่จะต้องจัดเตรียมที่มุงบังให้พระถึง 1,500  รูป และเพื่อความเป็นส่วนตัวของพระธุดงค์แต่ละรูปในการบำเพ็ญสมณธรรม พระธุดงค์แต่ละรูปจึงจำเป็นต้องมีกลดประจำตัว ทำให้เจ้าของสถานที่ไม่ต้องลำบาก พระแต่ละรูปดูแลรักษากลดของตนเอง ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการเดินธุดงค์ของพระจำนวนมากๆ
การที่พระธุดงค์แต่ละรูปสามารถดูแลของใช้ส่วนตัวได้เอง ทำให้พระท่านต้องรู้จักประมาณว่า อะไรจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตบ้าง เพราะของที่ไม่จำเป็นหากนำไปเดินธุดงค์ด้วยแล้วก็จะทำให้หนักเป็นภาระต่อการบำเพ็ญธุดงควัตร
การเดินธุดงค์ธรรมชัยที่ผ่านมาได้รับคำชื่นชมจากเจ้าของสถานที่ในทุกที่ว่า ก่อนพระธุดงค์มาอยู่เรียบร้อยอย่างไร เมื่อพระเข้าพักและจากไปแล้ว สะอาดเรียบร้อยเหมือนไม่เคยมีใครมาพักเลย ทั้งนี้ก็เป็นเพราะการที่พระธุดงค์แต่ละรูปสามารถดูแลของใช้ตนเองไม่ให้เป็นภาระต่อเจ้าของสถานที่ ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ก่อนออกจากพื้นที่ก็มีการเก็บขยะทุกชิ้นไม่ให้เหลือ ทำความสะอาดสถานที่และจากไปเหลือความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยไว้ให้กับสถานที่นั้นๆ
ธุดงค์ธรรชัยเกิดจากศรัทธาชาวพุทธ
ชี้แจงประเด็นแจกเหรียญ
เรื่องการแจกเหรียญพระหลวงปู่ไว้เป็นที่ระลึกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ถือว่าเป็นการจัดตั้งบังคับให้มาทำบุญแต่อย่างใด "ถือเป็นการเชิญชวนด้วยกุสโลบายเพื่อให้ผู้ที่มีศรัทธาได้มาต้อนรับพระ แม้ผู้ไม่มีศรัทธามาเพื่อรับเหรียญอันเป็นมงคลก็จะได้มีโอกาสสั่งสมบุญต้อนรับพระธุดงค์ด้วย" ดังมีเรื่องปรากฏในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี 
กุฏุมพี(ผู้มีทรัพย์มาก) ชื่อว่า อปราชิต ก็ได้สร้างพระคันธกุฎี แล้วนิมนต์พระศาสดาประทับและแสดงธรรม โดยตั้งใจอยากจะให้มหาชนได้มาฟังธรรมด้วย จึงได้นำรัตนะ 7 ประการโปรยไว้ที่หน้าพระคันธกุฏี  เพื่อเป็นกุสโลบายให้มหาชนมาฟังธรรม เมื่อจบพระธรรมเทศนาใครปราถนารัตนชาติใดก็สามารถหยิบกลับไปได้ตามใจชอบ ด้วยความคิดว่า มหาชนที่ไม่มีศรัทธาจะมาฟังธรรมเพราะความโลภในทรัพย์ก็จะได้พ้นทุกข์ได้
  "รัตนะ ๗ ประการอันเรา(อปราชิตกุฏุมพี)โปรยลงแล้วที่บริเวณพระคันธกุฎี, มนุษย์เข็ญใจทั้งหลายผู้ฟังธรรมในสำนักพระศาสดาแล้วไป จงถือเอาเต็มมือทั้งสอง, มนุษย์ทั้งหลายที่ถึงสุขแล้วก็จงถือเอาด้วยมือเดียว. "ได้ยินว่า เขา(อปราชิตกุฏุมพี)ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า "ชนทั้งหลายผู้มีศรัทธาประสงค์จะฟังธรรมก่อนจึงจักไปทีเดียว, ส่วนผู้ไม่มีศรัทธาไปด้วยความโลภในทรัพย์ ฟังธรรมแล้ว ก็จักพ้นจากทุกข์ได้;"  เพราะเหตุนั้น เขาจึงให้บอกอย่างนั้นเพื่อต้องการจะสงเคราะห์ชน. มหาชนถือเอารัตนะทั้งหลายตามกำหนดที่เขาบอกแล้วนั่นแล.  
*มก. พระโชติกเถระ เล่ม ๔๓ หน้า ๕๒๖ 
กุฏุมพีได้นำรัตนะ 7 ประการมาเป็นกุสโลบายให้คนได้มาฟังธรรม แต่การแจกเหรียญหลวงปู่รุ่นอัญเชิญธุดงค์ธรรมชัยนั้น เหตุผลหนึ่งก็เพื่ออยากให้ผู้ที่ยังมีศรัทธาไม่เต็มเปี่ยมได้มาสั่งสมบุญกับพระธุดงค์ และเหตุผลสำคัญคือ เหรียญที่แจกเป็นเหรียญพระมงคลเทพมุนี สามารถนำกลับไปกราบไหว้บูชาต่อได้ ไว้ระลึกนึกถึงบุญที่ได้มาต้อนรับพระธุดงค์ และติดตัวไว้ระลึกเป็นสังฆานุสติเป็นการเจริญกรรมฐานต่อได้อีก  การแจกเหรียญจึงไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่การจัดตั้งแต่อย่างใด ถือเป็นกุสโลบายที่ดี ที่จะให้ชาวพุทธตื่นตัวออกมาทำความดีกันอย่างมากมาย 
ชี้แจงเรื่องเมืองเวสาลี
วัดปากน้ำประสบอุทกภัย
จากประเด็นที่ว่า "ไม่ทราบว่าวัดปากน้ำมีภัยพิบัติ มีทุพภิกขภัยอะไรหรือ??  มันเหมือนกันอย่างไรกับกรณีพระพุทธองค์เสด็จไปโปรดชาวกรุงเวสาลี"
ในช่วงน้ำท่วมเมื่อเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2554  ที่ผ่านมา วัดปากน้ำก็เป็นวัดหนึ่งที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยน้ำได้ท่วมเข้ามาในวัดปากน้ำ ทางวัดพระธรรมกายได้ช่วยกันรับบุญขนกระสอบทรายไปทำทำนบกั้นน้ำไว้จนสามารถป้องกันไม่ให้น้ำท่วมวัดปากน้ำได้สำเร็จ (http://www.dmc.tv/pages/ข่าวพระพุทธศาสนา/ประมวลภาพภารกิจพิเศษป้องกันน้ำท่วม-วัดปากน้ำ-ภาษีเจริญ.html)
ในเส้นทางที่พระเดินธุดงค์ไปมีเส้นทางที่ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ด้วย เช่น พหลโยธิน สะพานใหม่ ม.เกษตร เป็นต้น พระท่านเดินธุดงค์เพื่ออัญเชิญรูปหล่อทองคำพระมงคลเทพมุนีไปประดิษฐานไว้ที่วัดปากน้ำ ผ่านเส้นทางที่ประสบอุทกภัยเป็นการสร้างขวัญกำลังใจกับผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วม เสริมสร้างศีลธรรมนำสิริมงคลมาสู่ชาวกรุงเทพโดยแท้
ชี้แจงประเด็นการเดินธุดงค์ธรรมชัยไม่มีใครได้บรรลุธรรมเหมือนที่เมืองเวสาลี
การเดินธุดงค์ธรรมชัยครั้งนี้มีชาวกรุงหลายท่านกล่าวว่า โชคดีจริงๆ วันนี้พระมาโปรด, การที่พระเดินธุดงค์ผ่านหน้าบ้าน ย่อมเกิดประโยชน์ต่อผู้ได้พบเห็น เป็นเหตุให้เกิดการสร้างบุญกุศล ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา แม้จะยังไม่มีผู้ใดได้บรรลุธรรม แต่ก็เกิดประโยชน์ภาพรวมต่อพระพุทธศาสนา ประชาชน และประเทศชาติดังที่ได้อธิบายมา
ธุดงค์ธรรมชัยเกิดจากศรัทธาชาวพุทธทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน
ธุดงค์ธรรชัยนั้นได้รับความร่วมมืออย่างเต็มใจจากหน่วยงานคณะจัดงานทั้งภาครัฐและเอกชนมากมาย เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี, กรุงเทพมหานคร, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, องค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก, สหพันธ์รวมใจไทยทั้งชาติ เป็นต้น ทั้งนี้เพราะทางผู้จัดงานได้เชิญชวนหน่วยงานต่างๆ ชี้ให้เห็นถึงบุญกุศลและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการธุดงค์ธรรมชัยต่อพระพุทธศาสนาและประเทศไทย ทำให้หน่วยงานต่างๆเกิดความเข้าใจ ศรัทธา และสนับสนุนโครงการธุดงค์ธรรมชัยอย่างเต็มใจ 
ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วหน่วยงานต่างๆ จะปฏิเสธคำเชิญชวนของคณะจัดงานก็ได้ ทางคณะจัดงานไม่สามารถบังคับหน่วยงานใดๆได้ แต่จากผลตอบรับจากหน่วนงานต่างๆ ทางคณะจัดงานกลับได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีเสมอมา นี้ชี้ให้เห็นว่า ธุดงค์ธรรมชัยเกิดจากศรัทธาชาวพุทธอย่างแท้จริง ไม่ใช่การจัดตั้งแต่อย่างใด
ชี้แจงกรณีสุภัททภิกษุ
จากประเด็นที่ยกเปรียบเทียบ “พระสุภัททะสั่งลูกให้เตรียมภัตรต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและทรงติเตียน กับการที่พระภิกษุเจ้าหน้าที่ชักชวนญาติโยมมาต้อนรับพระธุดงค์และโปรยกุหลาบ”
สุภัททภิกษุได้สั่งบังคับให้ลูกชายตัวน้อย 2 คน ไปทำการรับจ้างตัดผม โดยให้นำเครื่องตัดผมของตัวเองซึ่งเป็นภิกษุอยู่ไปทำการรับจ้างตัดผมทุกบ้าน ใครไม่อยากตัดผมพอเห็นเด็กน้อยก็ต้องยอมตัด ใครที่ตัดแล้วเห็นเด็กน้อยก็ต้องตัดอีก และได้มอบเงิน สิ่งของสำหรับทำยาคูมากมาย สั่งให้พ่อครัวทำเป็นข้าวยาคูถวายพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงทราบและติเตียนแล้วบัญญัติพระวินัย 2 ข้อ
"บรรพชิตไม่พึงชักจูงทายกในสิ่งอันไม่ควร รูปใดชักจูง ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนึ่ง ภิกษุผู้เคยเป็นช่างกัลบก ไม่พึงเก็บรักษาเครื่องตัดโกนผมไว้สำหรับตัว รูปใดเก็บรักษาไว้ ต้องอาบัติทุกกฏ"
ที่ทรงติเตียนและบัญญัติพระวินัยนี้เพราะ สุภัททภิกษุได้ใช้ที่เครื่องตัดผมของสงฆ์สั่งให้ลูกๆไปทำมาหากินแบบชาวโลก แกมบังคับญาติโยมเข้าทุกบ้าน เขาไม่อยากทำก็จำใจต้องทำ อย่างนี้เรียกอกัปปิยะคือ แสวงหาในสิ่งที่ไม่ควร
แต่การชักชวนญาติโยมออกมาทำความดีจริงๆ แล้วแม้จะเป็นพระภิกษุก็สามารถทำได้ ดังเรื่องที่ปรากฎในพระไตรปิฎกใสสมัยพุทธกาลมากมาย
  เช่น ในเรื่องชฎิลเศรษฐีพระอรหันต์รูปหนึ่งทราบว่าทองทางด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่กำลังก่อสร้างยังขาดอยู่ จึงได้ไปชักชวนนายช่างทองให้มาเอาบุญนี้  (*พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่มที่ 43 หน้าที่ 401) ฯลฯ และมีเรื่องราวอื่นๆ ที่พระภิกษุเป็นผู้ชักชวนให้ญาติโยมออกมาทำความดีกันอย่างมากมาย นี้จึงเรียกว่าเป็น กัปปิยะ คือเป็นการชักชวนที่ควรแล้ว
โครงการธุดงค์ธรรมชัยนี้ แม้เป็นพระภิกษุเองจะออกมาชักชวนญาติโยมทำความดี ชวนมาโปรยกุหลาบต้อนรับพระธุดงค์ก็สามารถทำได้ถือเป็นสิ่งที่ถูกที่ควร (ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับสุภัททภิกษุที่ใช้ของสงฆ์แสวงหาทรัพย์อย่างชาวโลก) พระที่ชักชวนญาติโยมก็ชี้ให้เห็นถึงบุญกุศลและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อญาติโญมเองต่อพระศาสนาและต่อประเทศชาติ จึงได้ชวนญาติโยมทำความดี ชวนมาอุปัฏฐากพระธุดงค์ ชวนมาสวดมนต์นั่งสมาธิกับพระธุดงค์ ใครไม่สะดวกจะมาร่วมกิจกรรมก็ไม่เป็นไร ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด นี้เรียกได้ว่า เป็นการทำหน้าที่กัลยาณมิตร ชักชวนในสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว
การเดินธุดงค์ธรรมชัยจึงไม่ใช่การจัดตั้งบังคับศรัทธาชาวพุทธแต่อย่างใด แต่เกิดจากความเข้าใจตระหนักถึงความสำคัญของการต้อนรับ การบูชา การแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย เข้าใจถึงการสั่งสมบุญ การรักษาวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวพุทธ เข้าใจถึงประโยชน์ที่จะเกิดต่อครอบครัว สังคม และประเทศชาติ การธุดงค์ธรรมชัยจึงชื่อว่า เกิดจากศรัทธาชาวพุทธอย่างแท้จริง